Last updated: 3 ก.ย. 2565 | 1737 จำนวนผู้เข้าชม |
เป็นสิ่งที่ผมมองเป็นอย่างแรกว่าผมต้องทำอะไรก่อนเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วผมมองเรื่องการพัฒนาหมู่บ้านของตนเองเป็นหลักแต่ทุนทรัพย์ไม่มีเอาไงดี ?
ในการมองแนวทางที่จะพัฒนาหมู่บ้านของเราโดยที่ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่เป็นไปได้หรือทุนที่มีอยู่ในมือของเรานั้นคือแรงงาน และเรื่องความเป็นไปได้ที่จะทำได้ในเวลานี้ ซึ่งเป็นหน้าฝนและเป็นต้นฝนด้วย ด้วยความที่ผมยังใหม่อยู่ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน แต่โชคดีที่ได้ผู้ช่วยเก่าที่เก่งไว้คนนึงผมจึงเสนอแนวคิดว่าเราปลูกต้นไม้สองข้างทางกันดีกว่า ทางผู้ช่วยก็ไม่แย้งใด ๆ ดังนั้นืเรื่องราวการปลูกต้นไม้ของเราจึงเกิดขึ้น
เริ่มจากการหาพันธุ์ต้นคูนก่อนเลย เนื่องจากว่าพอเราเป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เชิญให้ไปปลูกต้นไม้เพื่อถ่ายภาพรับรู้ถึงโครงการของเจ้าหน้าที่ป่าไม้เขา ผมเลยถามว่าแหล่งต้นไม้ที่ไปรับมานั้นมีต้่นคูนไหม ทางเจ้าหน้าที่จึงบอว่าว่ามีเยอะ ก็เข้าทางผมเลย เพราะการปลูกต้นคูนข้างทางนั้นทำให้ตอนออกดอกมีสีสวยเป็นจุดที่นักปั่นจะจอดถ่ายรูปได้สูง สามารถสร้างเป็นแลนด์มาร์กให้กับหมู่บ้านของเราได้ เพราะหมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่สถานที่ต้องนั้นใกล้เมืองและมีหมู่บ้านถัดไปที่อยู่ลึกกว่าจะผ่านหมู่บ้านเราตลอด รวมไปถึงนักออกกำลังกาย นักปั่นจักรยาน ตรงนี้จึงเป็นแนวคิดที่ผมคิดว่า ทำให้เขาจอดหรืออยู่ในหม่บ้านของเรานาน ๆ อย่างน้อยเขาเหล่านั้นก็ต้องซืั้อของร้านค้าในหมู่บ้านของเราบ้างละ ก็จะเป็นการทำให้เงินไหลเวียนเข้าหมู่บ้านของเรามากขึ้นไม่มากก็น้อยดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เมื่อมีเงินหมุนเวียน ร้านค้าก็ต้องมีการว่าจ้างงานคนในหมู่บ้านกันบ้างละ คิดแบบนี้แหละง่าย ๆ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่เรามองไม่เห็นจะเกิดขึ้นเอง ตอนนี้ปลูกต้นไม้ให้เสร็จแล้วดูและให้โตกันก่อนดีกว่า พูดเสร็จกับผู้ช่วยผมก็ไม่รอช้าครับ
รูปแสดงสถานที่ไปรับต้นพันธุ์ ที่ศูนย์เพาะพันกล้ากำแพงเชร ที่นี่ใครจะไปขอเบิกก็ได้นะครับแต่ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาก็จะต้องจองและรอคิวกันหน่อยครับ
วันที่ 6 มิถุนายน 2565 ผมได้เข้าไปรับกล้าพันธุ์ไม้ที่ศูนย์เพาะพันธุ์กล้าไม้กำแพงเพชร ได้ต้นคูนมา 1000 ต้นผมรับไว้หมดหมู่บ้านเดียวเลยเพราะถ้าเรามัวนำเมล็ดมาเพาะเองคงอีกนานกว่าจะได้ปลูก เพราะช่วงนี้เป็นต้นฝนด้วย ทางศูนย์เพาะพันธุ์กล้าไม้ก็ยินดีและดีใจมากที่เราขอรับพันธุ์ต้นคูนไปหมดเลย อีกอย่างนึงการเป็นผู้ใหญ่บ้านมีข้อดีคือ ขอแล้วได้เลยถ้าทางศูนย์เพาะพันธุ์มี ไม่ต้องจองหรือรอคิว การเป็นผู้ใหญ่บ้านจึงง่ายต่อการที่จะคิดและพัฒนาเรื่องเหล่านี้ได้ดี
การปลูกต้นไม้ก็ต้องมีการวางแผนการทำความสะอาดก่อนปลูก และผู้ที่เปิดงานกันจริง ๆ ก็ต้องขอบคุณ
- นายยุพล ผากิม
- นายพุ่มเพชร นาดำ
- เจ้าไกด์
- ผช.เที่ยง นาดำ
ที่ช่วยกันไปขนต้นกล้าและทำความสะอาดข้างทางก่อนวันปลูกจริง
เนื่องจากต้นกล้าคูน่าจะอยู่มาแล้วไม่ต่ำกว่า 2ปีถึงจึงใหญ่มากทำให้ต้องใช้รถขนถึง 3เที่ยวด้วยกันกว่าจะหมด พอได้กล้าพันธุ์มาผมก็เริ่มทดลองปลูกเองก่อนเลยในวันแรกที่ได้มาเพราะจะได้รู้ว่าเราต้องเตรียมอะไรบ้างในการปลูกต้นไม้ วันที่เรารวมพลปลูกถือเป็นการเรียนรู้ก่อนลงสนามจริง มีเด็กอยู่คนนึงมาช่วยคือ เจ้ากาแฟ
วันที่ 13 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ปลูกต้นไม้กันจริง ๆ เป็นเรื่องเป็นราวก็รวมพลกันมาช่วยกันปลูก มีจิตอาสามาช่วยปลูกอยู่ 3่ท่านด้วยกันเป็นนักศึกษา ซึงผมเองก็ไม่ได้ถามชื่อไว้ แต่มีน้องคนนึงอยู่ในหมู่บ้านของเรา เอาไว้จะนำชื่อมาลงครับเพื่อเป็นเรื่องราวของทุกคนที่มีส่วนร่วมกันปลูก
ผมเองก็แอบหวั่น ๆ เหมือนกันว่าทางการทางจะว่าอย่างไรเรื่องการปลูกต้นไม้ข้างทาง แต่ผมมัวคิดมากไม่ได้ ถ้าไม่ลงมือทำเรื่องราวจะไม่เกิดขึ้น การปลูกให้รอดน้้นยาก การทำลายนั้นง่าย เน้นปลูกไว้ก่อนเรื่องอื่น ๆ ค่อยว่ากัน
เจ้าหลุยแห่งศรีไกรลาศ
เจ้าไป้ร์น้องชายผมเองครับ ช่วยเหลือทุกงานที่พี่ชายต้องการคนช่วย
น้าปองก็มางานนี้
น้องจิตอาสา
น่้องจิตอาสา
หลวงพี่บุญลือ
พระอาจารย์ เจ้าอาวาสวัดป่าเจดีย์ทอง
แนวคิดของผมคือลงมือทำได้ก็ทำจะมองเรื่องความน่าจะเป็นไปได้เป็นเรื่องหลัก หากไปมองโครงการใหญ่ ๆ แน่นอนไม่มีใครมาลงทุนให้แน่นอน เราต้องลงมือกันเองก่อนไม่มัวมารองบประมาณจากแหล่งอื่น ที่เราจับต้องไม่ได้เป็นอันขาด
อนุชาหรืออ๋อย
เจ้าอาร์ท
อาผมเองบุญทิ้ง นาดำ
แม่ผู้ช่วย
โครงการนี้เดินงานประมาณ 3 วันเต็ม ๆ ครับเนื่องจากจำนวนต้นไม้เยอะ รอบแรกต้นคูน 1000 ต้นหมดต้องไปเบิกต้นอินทนินท์มาอีก 1000 ต้นและตะแบกอีก 1000 ต้นรอบ 2 นี้เรานำต้นไม้มาอย่างเต็มที่เพื่อจะได้ลดค่าน้ำมันในการขนย้ายต้นกล้าจากศูนย์เพาะพันธุ์กล้าไม้จังหวัดกำแพงเพชร
น้าเตี้ยแห่งท่าดินแดง
ลุงแจ้วแห่งท่าดินแดง ขาประจำ
น้าพจแฟนน้าต๋อง ไม่อยู่หมู่บ้านนี้แต่ก็ช่วยงานอย่างเต็มที่
ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานอย่างเต็มที่ รอบแรกต้องอาศัยรถใหญ่ในการดันหญ้าเปิดหน้าดินก่อนเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว โอกาศน้อยที่ชาวบ้านจะว่างมาร่วมมือกันขนาดนี้
น่้องอ้อม
.
น้องชมพู่
นายหัวแห่งเจ้าของสวนยางพารา ในหมู่บ้านของเราก็มาครับ สนับสนุนเงินช่วยเหลือเรื่องค่าเครื่องดื่มมา 1000 บาทและยังให้ไม้หลักพริกในการปักตำแหน่งการปลูกต้นไม้กันลืมหรือมองไม่เห็นซึ่งตอนเราทำรุ่นหรือถางหญ้าจะได้ไม่ไปถางต้นไม้ ตรงนี้สำคัญมาก ชาวบ้านต้องขอขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก
ป้าจัดของเราครับทุกรุ่นทุกสมัยมาช่วยกันตลอดไม่เคยขาดการให้ความร่วมมือ
วันที่ 19 มิถุนายน 2565 ต้นคูนไม่พอปลูกสำหรับพื้นที่ยาว 4 กม.เราต้องไปรับต้นอินทนินท์มาเพิ่มครับ 2000 ต้นวันนี้จึงเป็นวันเริ่มปลูกอีก 2 วันเพราะจำนวนต้นไม้มาก แต่ความตั้งใจของผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยทุกคนต้องเอาให้จบ เพราะในอนาคตผมมองว่าจะไม่มาเสียเวลากับการดายหญ้า ทุก ๆ ปีทำงานซ้ำ ๆ ที่เดิม มันบ่งบอกถึงแนวคิดการทำงานที่ไม่ถาวร รอให้ต้นไม้โตก่อนเถอะครับผมก็จะมาเล่าเรื่องราวที่ผมมองว่าการทำให้ถาวรนั้นเป็นอย่างไร
น้าสำให้ความสำคัญกับการพัฒนาหมู่บ้านมากไม่เคยขาดการช่วยเหลือร่วมมือกับหมู่บ้านของเราครับ
พี่เปิ้ล
น้องชายผมเอง จรัญ นาดำ
น้องสะไภ้
นีน้าต๋อง
เจ้าโอนักตีผึ้งแห่งหมู่บ้่าน
พี่สันเบอร์ 3 แต่ก็มีน้ำใจนักกีฬา
ลุงไพรผู้ไม่เคยย่อท้อต่อการให้ความร่วมมือทุถกยุคทุกสมัย
จะเหนื่อยจะร้อนกันแค่ไหนก็ไปกันจนสุดเขตหมู่บ้านครับ และจบงานปลูกต้นไม้ แบบสมบูรณ์ ทีนี้ก็รอวันดูแลเฝ้าดูการเติบโตของต้นไม้่กันไป เรื่องราวของการร่วมมือกันปลูกต้นไม้ของชาวบ้านหมู่บ้านป่าแดงก็มีเพียงเท่านนี้ครับ อาจตหล่นบางท่านเดียวผมจะค่อย ๆ เรียบเรียงรายชื่อกันใหม่ อบต. สาทิตย์ก็มาช่วย
สำหรับเรื่องราวในเดือน มิถุนายนก็จบลงครับ กับการปลูกต้นไม้ 3 วันของผู้ใหญ่บ้านที่เพิ่งเข้ารับแต่งตั้งในวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ก็หวังว่าจะได้ชมความสวยงามภายในหมู่บ้านในอนาคตอันใกล้นี้
บทสรุปที่ผมมองแบบง่าย ๆ อย่างที่เราลงมือทำเองได้คือ ?
ผมมองว่าหมู่บ้านของเรานั้นเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่เป็นทางผ่านของหลาย ๆ หมู่บ้านที่ต้องขับรถเข้าเมืองไล่ตั้งแต่หมู่ 7 ไปจนถึงหนองแดน และเนื่องจากหมู่บ้านติดเขามีชาวบ้านปลูกต้นยางแถวป่าชุมชนและเป็นถนนทางหลวงชนบทที่เงียบสงบรถไม่เยอะทำให้มีผู้คนมักถีบจักรยานผ่าน มีนักวิ่งมาวิ่งบ้างบางครั้งคราว สิ่งที่ผมคิดคือทำอย่างไรให้เขาเหล่านั้นใช้เวลาอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านเรานานที่สุด ( น่าจะงงนะว่าทำไมต้องให้เขาเหล่านั้นอยู่นาน ) ผมเองก็คิดง่าย ๆ เลย อยู่นานมีที่ถายรูปสวย ๆ เมื่อต้นไม้ออกดอกก็ต้องหิวน้ำบ้างละนะ อย่างน้อยก็จอดร้านค้าซื้อน้ำกินกันบ้างละ ขนมบ้างละ โครงการนี้ผมก็หวังว่าจะช่วยเหลือชาวบ้านไม่มากก็น้อยดีกว่าไม่คิดทำอะไรเลย และผมหวังว่าถ้าหากโครงการนี้สำเร็จ ก็น่าจะมีสิ่งดีดีที่เรามองไม่เห็นได้เกิดขึ้นบ้าง ประโยชน์ก็เพื่อชาวบ้านอย่างแท้จริง และสิ่งแวดล้อมก็จะตามมา
ถ้าร้านค้าขายของได้ดีเงินก็เข้ามาในหมู่บ้าน เจ้าของร้านมีเงินไม่มีเวลาทำอย่างอื่นก็ต้องเกิดการจ้างงานภายในเกิดขึ้น หลักคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผมคิดได้ก็เีพียงเท่านี้ แต่มีประโยชน์กับสิ่งแวดล้อมมาก นี่ถือสำคัญที่เราได้เริ่มทำกัน หากโครงการต้นไม้ของผมไปได้ด้วยดีโตออกดอกสวยงาม ผมก็ได้ไปจีบผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ตำบลท่าขุนรามไว้แล้วครับ เพื่อทำให้เป็นเส้นทางสวยงามให้นักออกกำลังกายในเมืองได้มาเที่ยวถ่ายรูปกันครับ โครงการผมระยะยาวจริงๆ และลงมือทำขั้นตอนแรกแล้วเสร็จ
ก็หวังว่าจะไม่เกิดภัยแล้งจนต้นไม้ตายนะเพราะผมเลือกต้นไม้ที่ทนแล้งมากสุด ๆ มาปลูกกันเลยทีเดียว
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามโครงการ " ถนนสวยด้วยมือเรา " ทำอะไรอย่าไปคิดถึงงบจากผู้อื่น เราควรทำในสิ่งที่เราทำเองได้ จับต้องได้ และมีประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ถึงแม้ผมจะลงทุนเองทั้งหมดแต่ผมมีความสุขที่ได้ปลูกนะยิ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านนี่โอกาศดีเลยเข้าทางผมละ เพราะผมคิดมานานแล้ว และเคยปลูกไปแล้วด้วยแต่เน้นต้นไม้กินได้จำพวกไม้ซึกที่นำมาแกงส้มได้ ชาวบ้านแถวนี้ไม่ต้องขึ้นเขาไปหากินกันเลย มีให้ข้างทาง
12 มิ.ย. 2566
12 มิ.ย. 2566
1 ม.ค. 2566